บทที่ 2
ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้นถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
นักท่องเที่วชาวกรีกมีการเดินทางเพื่อท่งเที่ยวประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล หรือ 2300 ปีมาแล้ว จะนิยมเดินทางไปยังสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นสิ่งสถิตของเทพเจ้าที่ทำการบำบัดรักษาโรค ส่วนมากเดินทางทางเรือ สินค้าต่างๆ ก็มีการขนส่งทางเรือจึงเป็นนักเดินเรือที่มีความชำนาญ แตกต่างจากสมัยนี้มากตรงที่มักจะไม่ค่อยเอื้อเฟื้อและไม่เป็นมิตร
ชาวโรมันมีการเดินทางกันอย่างกว้างขวางตังแต่ 300 ปีก่อนคริสตกาลเนื่องจากความกว้างใหญ่ไพศาลของอาณาจักรโรมัน นิยมเดินทางกันไปพักร้อนบนภูเขา วัฒนธรรมของโรมันทำให้เกิดการท่องเที่ยวแบบมหาชน การท่องเที่ยวที่สำคัญของชาวโรมันคือ กรีก นิยมเดินทางไปชมความสำเร็จทางศิลปวิทยาการของชาวกรีก อนุสาวรีย์ประเภทรูปแกะสลักมากมาย โครงสร้างพื้นบานถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นระบบ ทั้งถนน ที่พักแรม ร้านอาหาร ตลอดจนการรักษาความปลอดภัย
ยุคกลาง(ยุคมืด)(Middle Age/Dark Age) AD 500-1500
เป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ศาสนสเข้ามามีบทบาทในการกำหนดการดำเนินชีวิตของผู้คน วันหยุดเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น คนชั้นกลางและชั้นสูงนิยมเดินทางเพื่อแสวงบุญ ในระยะทางไกลในเมืองต่างๆ ตามหลักฐานที่ปรากฏเป็นนิทานเรื่อง Canterbury's tales การเฟื่องฟูของอาชีพมัคคุเทศก์ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance)
ลักษณะสำคัญของการท่องเที่ยวในยุคนี้คือเกิดการพัฒนาการด้านการค้า ผู้คนเริ่มใฝ่รู้เกี่ยวกับเรื่องของยุโรปสมัยก่อน โดยเฉพาะชาวอังฤษที่ร่ำรวย นิยมส่งบุตรชายออกเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับผู้สอนประจำตัวเป็นระยะเวลา 3 ปี เรียกว่าแกรนด์ทัวร์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่ประเทศอิตาลี อาจเรียกแกรนด์ทัวร์ว่าเป็นการท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาก็ไดัสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18-19
สังคมเริ่มเปลี่ยนจากเกษตรกรมมเป็นอุตสาหกรมเกิดการอาณานิคมขึ้น ที่พักแรมได้รับการพัฒนามาตามลำดับ กลายเป็นโรงแรมแทน inns ต่างๆ มีการโยกย้ายถิ่นฐานไปยังดินแดนใหม่ๆนอกยุโรป อาทิ ไป อเมริกา มีการพัฒนาประดิษฐ์จักรไอน้ำ กับเรือกลไฟแบบกังหันข้างผสมใบ ทำให้เกิดการเดินทางได้เร็วขึ้น และมีการพัฒนากิจการรถไฟ และในปี ค.ศ. 1841 โทมัส คุก ได้จัดนำเที่ยวมางรถไฟแบบครบวงจรเป็นครั้งแรกที่อังกฤษยุคศตวรรษที่ 20
การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ความสะดวกสบายมีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ที่พักแรม เงินตรา เอกสารการเดินทาง ผู้คนหันมานิยามการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น ทำให้การเดินทางด้วยรถไฟน้อยลง มีการพัฒนาของอุตสาหกรรมการบินที่เริ่มขึ้นในยุโรป ปี ค.ศ. 1919 และเริ่มขนส่งผู้โดยสารช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา และช่วงหลังสงครามโลกผู้คนออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางการสงครามสมัยอธุยา
ระบบสังคมเป็นแบบศักดินา ผู้คนไม่ค่อยมีอิสระในการเดินทางเพือ่การพักผ่อน นอกจากเพื่อไปการค้าเล็กๆ น้อย มีการปรับปรุงคมนาคมขนส่ง ทางน้ำ ทางบก เพื่อการค้าและการเดินทาง มักเดินทางกันเป็นกลุ่มในผู้ปกครอง ค.ศ. 1511 โปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เดินทางเข้ามาอยุธยา ส่วนญี่ปุ่น อังกฤษ ฮอลันดา ฝรั่งเศสตามมาภายหลังสมัยสุโขทัย
การเดินทางเป็นไปอย่างอิสรเสรี โดยส่วนมากเป็นไปเพื่อการค้าขาย และทางศาสนา และส่วนมากเป็นการเดินทางภายในประเทศเท่านั้นสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์
ร. 1 และพระเจ้าตากสินพยายามฟื้นฟูความเป็นอยุธยาขึ้นมาอีกครั้ง เพราะโครงสร้างของบ้านเมือง วัฒนธรรมประเพณีต่างๆ จะคล้ายกับในสมัยอยุธยา ร.2 ทรงทำนุบำรุงทางด้านศิลปวัฒนธรรม และพัฒนาด้านการค้าระหว่างประเทศ
ร.3 บ้านเมืองเปิดการค้าขายกับชาวต่างชาติมากขึ้นอีกครั้งหนึ่งคล้ายๆ กับสมัยของสมเด็จพระนารายณ์
สรุปการท่องเที่ยวไทยในช่วงก่อนเปลี่ยนการปกครองได้รับการพัฒนาและสนับสนุนจากชนชั้นผู้ปกครอง แล้วค่อยขยายลงสู่ภาคประชาชน รัฐบาลไทยขณะนั้นเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยว จึงได้ตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเมศไทย(อสท.) ในปี พ.ศ. 2503 พร้อมกันนั้นก๊มีการจัดตั้งบริษัทการบินไทย เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกด้วย และได้เปลี่ยนมาเป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ.2522
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น