สาธารณรัฐเช็ก สาธารณรัฐเช็ก
ประวัติความเป็นมา
สาธารณรัฐเช็ก
(อังกฤษ: Czech Republic; เช็ก:
Česká Republika) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
อยู่ในภูมิภาคยุโรปกลาง พรมแดนทางตอนเหนือจรดประเทศโปแลนด์
ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือจรดเยอรมนี ทางใต้จรดออสเตรีย
และทางตะวันออกจรดสโลวาเกีย
สาธารณรัฐเช็กประกอบด้วยภูมิภาคที่เก่าแก่สองส่วน คือ โบฮีเมียและโมราเวีย
และส่วนหนึ่งของภูมิภาคที่สาม เรียกว่า ไซลีเชีย ประเทศนี้ได้เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปตั้งแต่วันที่
1 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 เมืองหลวงของประเทศคือ ปราก เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศด้วย
เมืองสำคัญอื่น ๆ ของประเทศ ได้แก่ เบอร์โน
ออสตราวา เปิลเซน ฮราเดตส์กราลอเว เชสเกบุดเยยอวีตเซ และอูสตีนาดลาเบม ดินแดนของสาธารณรัฐเช็กในปัจจุบัน
มีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปราว 2,000 ปี
นับตั้งแต่เมื่อชนเผ่าสลาโวนิก (Slavonic Tribes) หรือชนเผ่าสลาฟ
ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานแคว้นโบฮีเมียได้พัฒนาเป็นรัฐอิสระเป็นครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่
9 แต่ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 13
ชนเผ่าเยอรมันได้อพยพเข้ามายึดดินแดนของเช็กในปัจจุบันเป็นอาณานิคม
ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างวัฒนธรรมเช็กให้มีทั้งลักษณะของชนเผ่าเยอรมันและชนเผ่าสลาฟ
กรุงปรากจึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันหลากหลาย อาทิ โรมาเนสก์ กอทิก เรอเนซองซ์ บารอก
รวมทั้งศิลปะรูปแบบต่าง ๆ
ทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่แสดงให้เห็นถึงประวัติความเป็นมาของเช็กได้อย่างดี
ตั้งแต่ สมัยอาณาจักรโรมัน จนกระทั่งถึงสมัยราชวงศ์ฮับสบูร์ก (ราวศตวรรษที่ 15-18)
และองค์การยูเนสโก ได้เลือกให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม นอกจากนี้
เช็กยังมีชื่อเสียงและประวัติศาสตร์อันยาวนานด้านการผลิตเบียร์
โดยเฉพาะที่เมืองเปิลเซน (Plzen)
กรุงปรากเป็นเมืองที่สำคัญในยุโรปตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันและยุคกลางของยุโรป
กษัตริย์ชาลส์ที่ 4 แห่งจักรวรรดิโรมัน
ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยชาลส์ (Charles University) ขึ้นที่กรุงปรากซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปตะวันออก
ในช่วงยุคกลาง เช็กอยู่ภายใต้การปกครองของคริสตจักรเช่นเดียวกับดินแดนอื่น ๆ
ในยุโรป จนกระทั่งในปี 2069
เช็กจึงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของราชวงศ์ฮับสบูร์ก ในศตวรรษที่ 19 เริ่มมีการฟื้นฟู national awareness ซึ่งถึงจุดสูงสุดในปี
2391
เมื่อกรุงปรากเป็นเมืองแรกในอาณาจักรฮัปสบูร์กที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูป
และต้องการแยกตัวเป็นรัฐอิสระ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
จนกระทั่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1ช่วงสงคราม
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง
ฝ่ายพันธมิตรได้สนับสนุนให้ชาวเช็กและชาวสโลวักสร้างสหพันธรัฐประชาธิปไตยเชโกสโลวะเกียขึ้น
ในปี 2461 เนื่องจากเช็กและสโลวักมีภาษาคล้ายคลึงกัน
แต่แยกจากกันทางการเมือง เนื่องจากสโลวาเกียเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรฮังการี
ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เชโกสโลวะเกียเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมมีความก้าวหน้าที่สุดจนติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากชาวสโลวักต้องการแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระจากเช็กซึ่งมีบทบาทเหนือกว่าในเดือนมีนาคม
2482 กองทัพนาซีเยอรมันได้รุกรานแคว้นโบฮีเมียและโมเรเวีย
ทำให้เชโกสโลวาเกียสูญเสียความเป็นรัฐเอกราช จนกระทั่งในปี 2488 กองทัพโซเวียตได้ปลดปล่อยดินแดนของเชโกสโลวะเกียจากการปกครองของนาซี
ทำให้สหภาพโซเวียตมีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการทางการเมืองของเชโกสโลวาเกียในเวลาต่อมา
และในปี 2491 พรรคคอมมิวนิสต์ได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจไว้หลังสงครามพรรคคอมมิวนิสต์มีอิทธิพลในเชโกสโลวาเกียมาโดยตลอด
จนกระทั่งในช่วงปลายทศวรรษที่ 60
ได้เริ่มมีการเคลื่อนไหวเพื่อการปฏิรูป ที่เรียกว่า ช่วงฤดูใบไม้ผลิแห่งกรุงปราก (Prague
Spring) ภายใต้การนำของนายอเล็กซานเดอร์ ดูบเชค (Alexander
Dubček) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์
สหภาพโซเวียตและประเทศอื่นในกลุ่มกติกาสนธิสัญญาวอร์ซอ (Warsaw Pact) เกรงว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นภัยคุกคามต่อระบบคอมมิวนิสต์
จึงได้ยกกองกำลังเข้าไปในเชโกสโลวาเกียเมื่อปี 2511
และจัดตั้งระบบคอมมิวนิสต์ที่เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ตาม
ยังคงมีแนวคิดต่อต้านระบบคอมมิวนิสต์ในเช็กโกสโลวาเกีย
หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลายลง
เชโกสโลวะเกียได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างสันติ
โดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การปฏิวัติเวลเวต (Velvet Revolution) และนายวาคลัฟ ฮาเวล (Václav
Havel) ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านระบบคอมมิวนิสต์
ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีเชโกสโลวาเกียในปี 2532
รัฐบาลเชโกสโลวะเกียได้มีมติเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2536
ให้สลายประเทศเชโกสโลวาเกีย
และแบ่งออกเป็นสาธารณรัฐเช็กและสาธารณรัฐสโลวัก (สโลวาเกีย)
ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียกว่า Velvet Divorce ต่อมา
นายวาคลัฟ ฮาเวลได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐเช็กในปี 2536
และได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 2 ในปี 2541
จนกระทั่งหมดวาระ (วาระละ 5 ปี) เมื่อวันที่ 2
กุมภาพันธ์ 2546 และนายวาคลัฟ เคลาอุส (Vaclav
Klaus) ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสืบต่อ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2546
สถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรมของสาธารณรัฐเช็กนั้น
เป็นสิ่งก่อสร้างของชาติเดียวในยุโรปก็ว่าได้
ที่แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกเลย ในขณะที่ประเทศอื่นๆ นั้น ถูกระเบิดเสียหายและต้องมีการบูรณะขึ้นมาภายหลังเป็นส่วนมาก
ในทางกลับกัน ภายหลังยุคสงครามโลก ชุมชนเก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งนี้
ยังตกอยู่ภายใต้กำแพงเหล็กของลัทธิคอมมิวนิสต์ จนถึงปี 1993 นี้เอง
ที่สาธารณรัฐเช็กจึงได้เปิดตัวออกสู่สังคมโลกจากนั้นมา นักท่องเที่ยวจากทั่วยุโรปต่างใจจดจ่อ
ที่จะได้เข้าไปสัมผัสเมืองโบราณที่ถูกซุกซ่อนไว้ใกล้กับพวกเขาอย่างที่สุดแห่งนี้
โดยเฉพาะเมืองสำคัญ อย่างกรุง Prague ที่เป็นเมืองหลวง
และเมือง Cesky Krumlov
กรุง Prague นั้นมีมนตร์เสน่ห์หาใดเทียบได้
ปราสาทและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่ดูแข็งแกร่งด้วยเหลี่ยมมุมและโครงสร้าง
กลับแช่มช้อยด้วยสีและรายละเอียด
หลายคนถึงกับเอ่ยชมความลึกลับและหมองหม่นของเมืองหลวงแห่งนี้
ว่ามีพลังดึงดูดพิเศษที่ทั้งลึกลับชวนค้นหา และเซ็กซี่วาบหวามในเวลาเดียวกัน
มหาวิหารเซนต์วิตัส (St. Vitus Cathedral)
ตั้งอยู่ในย่านปราสาทปราก
สร้างในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 14 โดยมีสถาปนิกเอกชาวฝรั่งเศส Matthias of Arras ชาวสเวเบีย
(Swabian) เป็นผู้ออกแบบและควบคุมดูแลคนต่อมา
มหาวิหารสไตล์โกธิกแห่งนี้นับได้ว่าเป็นมหาวิหารที่มีความประณีตงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง
นับตั้งแต่ประตูแกะสลักลวดลายตระการตา
กระจกสีสเตนกลาสบานสูงที่ประดับรอบวิหารล้วนยิ่งขับให้มหาวิหารแห่งนี้ดูโดดเด่น
โบสถ์เซนต์เวนเซสลาส (St. Wenceslas Chapel)
โบสถ์เซนต์เวนเซสลาสเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารเซนต์วิตัส
ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปะในแบบโกธิก
ภายในได้รับการตกแต่งด้วยภาพเฟรสโกและอัญมณีทีค่ากว่า 1,345 ชิ้น
นอกจากนี้ยังเป็นที่เก็บพระศพของบรรดากษัตริย์ ในอดีต
อาหารการกินของสาธารณรัฐเช็ค
อาหารพื้นเมืองของสาธารณรัฐเชคนั้นเป็นอาหารที่ไม่ใกล้เคียงกับอาหารที่ดีต่อสุขภาพสักเท่าไหร
ซึ่งทุกคนคงจะพบกับอาหารมือที่เรียกได้ว่า เป็นอาหารขยะเลยทีเดียว
ซึ่งมันจะประกอบไปด้วย ซุปมันฝรั่ง เนื้อหมูอบกับเกี๊ยวและกระหล่ำปรีดอง
เกี๊ยวผลไม้ หรือ แอปเปิ้ลสตรูเดล ในขณะเดียวกัน
การรับประทานอาหารของชาวเชคนั้นเริ่มหันแนวทางไปสู่การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้นแต่การรับประทานอาหารแบบดั้งเดิมก็ยังเป็นที่นิยมอย่างมากอยู่
และก็ยังคงเป็นอาหารที่มี แคลโลรี่ ไขมัน และน้ำตาลสูง
อาหารประจำชาติเช็ก คือฝันร้ายของชาวมังสาวิรัติ
เนื่องจากเป็นอาหารจานเนื้ออุดมไปด้วยคอเลสเตอรอลที่มาพร้อมด้วยแป้งต้ม และมักจะเสิร์ฟกับเบียร์
ถ้าคุณถามชาวเช็กว่าอาหารที่เขารับประทานกันเป็นประจำคืออะไร
เกือบทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันได้โดยทันทีว่า "หมู"
ลักษณะภูมิศาสตร์ และภูมิอากาศ ในสาธารณรัฐเช็ค
เช็กเป็นดินแดนที่ประกอบด้วย ที่ราบสูง
พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่สูงกว่าน้ำทะเล 200 เมตร นอกจากนั้นยังประกอบด้วย เนินเขา
แม่น้ำรวมถึงทะเลสาบขนาดเล๊กๆอยู่ทั่วไป เช็กเป็นแหล่งเพาะปลูกพืชหลายชนิด
เพราะมีดินที่อุดมสมบูรณ์ มีอากาศแบบอบอุ่นภาคพื้นทวีป มีแร่ธาตุหลายชนิด
แร่ที่สำคัญได้แก่ ถ่านหิน และ ยูเรเนียม
ครอบคลุมพื้นที่กว่า ๑๘๗๓๐ ตารางกิโลเมตร ลักษณะทางภูมิศาสตร์
ของผืนป่าตะวันตกมีตั้งแต่ราบต่ำถึงภูเขาสูง
จากเทือกเขาเย็นและเทือกเขาเต่าดำทางด้านทิศเหนือคลุมพื้นที่ภูเขาหินปูน
หุบเขาและที่ราบลุ่มและอ่างเก็บน้ำจืดอยู่ส่วนกลาง ลาดลงไปสู่เทือกเขาตะนาวศรีที่ยาวไปจนเชื่อมต่อกับชายแดนพม่า
บริเวณพื้นที่แห่งนี้ก่อให้เกิดทั้งแม่น้ำ ลำธาร ถ้ำ หน้าผา
น้ำตกและจุดชมภูมิทัศน์ที่สวยงาม
และที่สำคัญยังมีต้นน้ำที่กำเนิดลุ่มน้ำอีกกว่า ๖ แห่งจากลุ่มน้ำหลัก ๒๕
ทั้งหมดในประเทศไทย
สภาพอากาศ
อากาศร้อนมากในหน้าแล้ง
มีความชื้นมากในหน้าฝน และค่อนข้างหนาวเย็นในหน้าหนาว นี้เป็นเพียงการสรุปโดยกว้าง
ๆ ทั่วไป แต่สำหรับพื้นที่โดยรวมซึ่งอาจยังไม่นัก ซึ่งยังมีข้อยกเว้นอีกมาก
ยกตัวอย่างเช่น
ภูเขาที่คอยปกป้องอุทยานแห่งชาติเอราวัณจากลมมรสุมด้านทิศตะวันออกส่งผลให้ปริมาณฝนโดยเฉลี่ยน้อยลงในขณะที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมีฝนตกหนักเนื่องจากสภาพอากาศใกล้หมดฤดูฝน ฤดูในการท่องเที่ยว
ช่วงที่เหมาะที่สุดสำหรับการเดินทางไปเยี่ยมชมผืนป่าตะวันตก คือฤดูหนาว
แต่สำหรับการชมความสวยงามของน้ำตกและปริมาณอย่างเต็มที่
ฤดูฝนก็จะเหมาะกว่าเนื่องจากระดับน้ำเพิ่มขึ้นสูงสุด ในบางพื้นที่ อุณหภูมิ
อาจสูงขึ้นได้ถึง ๔๐ องศาเซลเซียส ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม และลดลงต่ำถึง ๓
องศาในเดือนธันวาคม
ของที่ระลึกและแหล่งช๊อปปิ้ง
เครื่องแก้วเช็กที่ขึ้นชื่อ
เครื่องประดับอัญมณี เบียร์เช็กชั้นยอด เครื่องครัว สินค้าแบรนด์เนมระดับโลก – ทั้งหมดนี้จะเป็นสินค้าที่รับประกันคุณภาพและมีราคาที่สมเหตุสมผล
ร้านค้าส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปราก
บริเวณจัตุรัสเวนเซสลาส Národní třída, Vinohradská และถนน Pařížská ซึ่งอยู่ใกล้กับจัตุรัสเมืองเก่า
นอกจากนี้ กรุงปรากยังมีตลาดใหญ่ๆ
หลายแห่งที่คุณสามารถซื้อข้าวของได้ทุกอย่างจริงๆ และยังได้ราคาถูกกว่ามากด้วย
มีศูนย์การค้าอยู่ตามแถบชานเมือง (Zličín, Černý
Most, Chodov, Letňany) ซึ่งทุกที่สามารถไปถึงได้ทางรถไฟใต้ดิน
ซื้อของที่ระลึกอะไรดี
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ เครื่องแก้วคริสตัล ของเล่นไม้
เครื่องประดับอัญมณี (โกเมนเช็ก) เป็นของที่ระลึกยอดนิยม
หุ่นกระบอกและหุ่นชักใยที่ทำจากไม้ตามแบบดั้งเดิมหรือที่ทำจากปูนปลาสเตอร์ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีอีกอย่างหนึ่ง
(การทำหุ่นกระบอกเริ่มต้นขึ้นประมาณศตวรรษที่ 18) ถ้าคุณอยากซื้อเหล้า
อาจเลือกเป็น Becherovka ซึ่งเป็นเหล้าสมุนไพรซึ่งมีคุณสมบัติทางยา
(ดีสำหรับการย่อยอาหาร) ก็เป็นของที่ระลึกที่แสดงถึงความเป็นเช็กอย่างยิ่ง
เครื่องประดับอัญมณีแบบเช็ก (ผลิตโดย JABLONEX) ก็ดังมาก ลองหาลูกปัดอัญมณี
ไข่มุกเลียนแบบและเครื่องประดับที่ทำจากแก้ว
อัตราค่าบริการ โดยสายการบินเอทิฮัดแอร์เวย์
ราคาทัวร์สำหรับเดินทาง
เดือน : เมษายน
|
|
วันที่ : 19-26เม.ย. ,
30เม.ย.-7พ.ค.
|
|
ลักษณะการเข้าพัก
|
ราคาทัวร์(บาท/ท่าน)
|
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ
|
57,900
|
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน
|
-
|
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง)
|
-
|
เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน(ไม่มีเตียง)
|
-
|
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยวเพิ่มท่านละ
|
6,900
|
ผู้ใหญ่ 3 ท่านพัก 1 ห้อง
ท่านที่สามมีส่วนลด
|
-
|
**ราคาดังกล่าวอาจมีการปรับเปลี่ยนหากสายการบินมีการเรียกเก็บภาษีน้ำมันและภาษีสนามบินเพิ่มเติม